นับว่าเป็นโอกาสดีแล้วที่หลานทั้งสองได้มาพบกันและสานต่อความสัมพันธ์ขึ้นมาจนกลายเป็นความรักความผูกพัน จนขาดกันและกันไม่ได้ การแต่งงานของหลานทั้งสองเตี๋ยมีบางสิ่งบางอย่างที่จะให้และคิดว่ามันเป็นของขวัญวันแต่งงานที่ดี ขอให้หลานทั้งสองมาช่วยกันรับมันไป
ชีวิตคู่มันก็ไม่ต่างจากตะเกียบที่แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมอวยพรในงานแต่งงานใช้คีบอาหารกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญนั้นหรอกเพราะ ตะเกียบเป็นไม้ไผ่สองท่อนที่ประกอบกันโดยแต่ละท่อนก็มาจากไผ่ต่างกอ ต่างข้อและต่างลำ แต่พอเอามาประกบกันเข้าได้เหมาะเจาะก็เป็นตะเกียบคู่งามที่มีประโยชน์ใช้คีบอะไรได้สารพัดนึก เช่นเดียวกับคนที่แต่งงานอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกัน ส่วนใหญ่ทั้งสองคนต่างก็มีพื้นฐานที่มาของชีวิตแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ถิ่นกำเนิด ขนบธรรมเนียม ประเพณีตลอดจนความรู้ความสามารถ ทัศนคติ มุมมองและประสบการณ์ทั้งหลายของชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนก็ต่างกัน แต่บุป เพสันนิวาสก็ได้บันดาลให้คนทั้งสองมาพบและอยู่เป็นคู่ครองกัน
สมัยนี้โลกมีความเจริญก้าวหน้าไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร การคมนาคมและการศึกษาทำให้คนเรามีโอกาสไปหาความเจริญก้าวหน้าในถิ่นแดนไกลที่ห่างจากถิ่นฐานบ้านเกิดและพบรักกันตามที่ที่สวรรค์บันดาลจึงมีน้อยคนนักที่จะพบรักกับคนถิ่นฐานบ้านเดียวกัน ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้ออกไปแสวงหาความก้าวหน้าตามวิถีชีวิตที่ตนต้องการทำให้ต้องอยู่กับที่แล้วก็หาคู่อยู่ในถิ่นเดิมๆนั้น บ้างก็ถูกพ่อแม่ที่เห็นแก่อามิสหรือมีวิตกจริตคิดปรามาสวาสนาของลูกตนแล้วจับลูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับคนที่ตนเห็นว่าเหมาะว่าสมโดยไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ใช้ความคิดและความรู้สึกของเขาในการตัดสินใจเลือกรักคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของตนได้ตามที่หัวใจเรียกร้อง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าคู่ผัวตัวเมียนั้นจะแต่งงานอยู่กินกันด้วยวิธีใดก็ตามสิ่งหนึ่งที่เป็นพื้นฐานของการแต่งงานก็คือความพึงใจในกันและกันในทางใดทางหนึ่งมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป บางคนโชคดีมีความรักเป็นเครื่องผูกให้คนทั้งสองต้องมาพันกันดั่งตะเกียบสองข้างที่ถูกบรรจงสร้างมาคู่เคียงกันให้มีความพอเหมาะพอเจาะทั้งความงามและลักษณะการใช้งาน บางคนก็มีเพียงตัณหาเป็นเครื่องผูกให้มาพันกันเหมือนตะเกียบที่ประกบคู่อยู่ด้วยกันเพราะมีความหิวเป็นเครื่องเร้าโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความใด นอกเสียจากการใช้งานแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ตราบใดที่ยังมีความรักหรือความหิวอยู่ตะเกียบก็ยังคงเป็นคู่อยู่ด้วยกันได้ หากเมื่อเวลาหนึ่งผ่านไปความรักเริ่มโรยรา ความหิวเริ่มหายไปไม่ว่าตะเกียบทองหรือตะเกียบไม้ก็กระจัดกระจายกลายเป็นตะเกียบข้างเดียวได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นตะเกียบข้างเดียวก็อย่าไปเที่ยวหาข้อตำหนิของกันและกันในยามความรักโรยราหรือยามที่ตัณหาหายไป เพราะยิ่งหามันก็ยิ่งเจอและเมื่อเจอแล้วมันก็จะยิ่งทำให้ทุกข์ให้เจ็บ...แล้วใครเจ็บ...ก็คนที่หาเจอนั่นแหละเป็นคนเจ็บ การไม่หาไม่ขุดไม่คุ้ยจะเป็นการดีที่สุด และจงจำไว่ว่าไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์พร้อมแม้แต่คำว่า “สมบูร” เองก็ยังต้องมีตัว “ณ์” พ่วงเข้ามาให้เกะกะหาประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นอย่าไปหาความสมบูรณ์
การอยู่เป็นตะเกียบคู่นั้นก็ต้องยอมรับกันให้ได้และคิดเสียว่าที่อยู่เป็นคู่กันนี้ก็ดีแล้วจะได้ช่วยกันจับช่วยกันจ้วงจนแกงหมดถ้วยกว๋ยเตี๋ยวหมดชาม แต่ก็อย่างว่านั่นแหละตะเกียบใหม่มันก็มีบ้างที่เงอะงะงู่มง่าม บางครั้งยังไม่เข้าขาเข้ามือ บางทีก็ตกลงไปข้างชาม บางทีก็ลื่นไหลหลุดมือก็ต้องให้โอกาสกันบ้างจะเอาให้ได้ดีดังใจแต่ต้นเลยมันก็ไม่ได้เพราะของมันใหม่ มันไม่เคย กว่าจะเข้าที่เข้าทางกว่าจะรู้ว่าต้องจับสั้นหรือจับยาว ต้องถ่างมากหรือถ่างน้อย จะพาดปากชามหรือต้องจับวางปากถ้วยก็ต้องพิจารณาหาความเหมาะสมตามแต่วาระและโอกาสจะอำนวย จำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีเวลาเป็นของตัวมันเอง เมื่อยังไม่ถึงเวลาอันสมควรสิ่งที่หวังไว้มันก็ยังไม่เกิดจะเคี่ยวเข็ญอย่างไรมันก็ไม่ได้ ถึงแม้ว่าได้บ้างมันก็มักจะไม่ค่อยดี
ทีนี้พออยู่ไปมันก็จะมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นคือความเป็นตัวของตัวเองเช่น อยู่ๆไปเมื่อผ่านร้อนผ่านหนาวมาระยะหนึ่งมันก็เกิดอาจจะงุ้มจะงอไปตามธรรมชาติของมันเราก็ไม่ต้องไปตำหนิติโทษกันว่าเมื่อก่อนทำไมไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย การติกันมันก็มีแต่ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจกัน ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่คงสภาพอยู่เหมือนเดิมได้หรอก แค่วางอยู่เฉยๆเมื่อกาลเวลาผ่านไปมันก็มีเสื่อมมีสลายไปตามเวลาได้พอมันงุ้มมันงอก็ขอให้หาทางช่วยกันปรับช่วยกันปรุงหรือปรับตัวเข้าหากัน หาเหลี่ยมหามุมที่มันยังจะพอเข้ากันได้ใช้กันดียังจะมีประโยชน์มากกว่าที่จะมานั่งตำหนิกัน อะไรที่มันงอมันงุ้มถ้าจับถูกเหลี่ยมดัดถูกมุมมันก็อาจกลับดีขึ้นมาได้ตามแต่สภาพจะอำนวยแต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเป็นอยู่อย่างนั้นอย่าฝืนไปดัดไปดึงเดี๋ยวมันจะหักไปเสียก่อน การทำแบบนี้นับว่าเป็นการอยู่กันอย่างชาญฉลาดถ้อยทีถ้อยอาศัย ต้องยอมรับให้ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ต้องมีสึกมีหรอมีบิ่นมีงอมีด่างมีดำกันบ้าง หากจะมองให้ดีก็ต้องมองกลับมาที่ตัวเราว่าเราบิ่นเรางุ้มเรางอหรือเราด่างเราดำตรงไหนบ้างแล้วหาทางแก้ไขตัวเราเองจะดีกว่าและถ้ามองได้อย่างนี้แล้วเราก็จะรู้สึกว่า “เออน่า...ไม่เป็นไร” หรือถ้าโชคดีก็อาจจะคิดได้ว่าที่ตะเกียบอีกข้างเป็นเช่นนั้นก็เพราะเรานี่แหละที่มีส่วนทำให้มันงุ้มมันงอมันหย่อนมันยาน แล้วก็จะมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและให้อภัยกันได้ในที่สุด แม้ว่าวันนี้มันจะไม่สวยไม่งามเหมือนเมื่อวานแต่ก็อย่าลืมว่าเมื่อวันวานที่ผ่านมาเราก็ได้ชื่นชมกับความสวยและความงามของมันไปแล้ว ส่วนที่คงเหลืออยู่นั้นต้องยกประโยชน์ให้คุณค่าแห่งความดี ประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ทีเคยมีต่อกัน ให้หมั่นคิดถึงข้อนี้ไว้จะได้เป็นเครื่องผูกพันและเป็นแรงบันดาลใจให้ช่วยกันสรรสร้างสิ่งที่ดีงามให้แก่กันและกันได้ตลอดไป
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคืออย่าไปเที่ยวเปรียบเทียบสิ่งที่เรามีกับสิ่งที่เราไม่มี มันเทียบกันไม่ได้หรอกเพราะอันหนึ่งเป็นความจริงอีกอันหนึ่งเป็นมโนภาพเป็นความฝัน ยิ่งเปรียบเทียบก็จะยิ่งทำให้สิ่งที่เรามีอยู่นั้นด้อยค่าลงไปเรื่อยๆและความรู้สึกที่ว่ามันเป็นสิ่งด้อยค่านั้น วันหนึ่งมันจะทำให้เราเข้าใจผิดคิดและเห็นตามภาพลวงตาว่าก้อนเนื้อที่เห็นในน้ำนั้นดีกว่าทีอยู่ในปากจริงๆ
นอกจากไม่เปรียบเทียบกันแล้วอีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ อย่าซ้ำเติมกันให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ พอฝ่ายหนึ่งว่าเขาทั้งด่างทั้งดำ ทั้งอ้วนทั้งอืด ก็จงเห็นใจเขาเพราะลำพังตัวเขาเองก็มีความทุกข์กับความด่างความดำของเขาอยู่แล้ว เขาทั้งกลุ้มทั้งกลัวว่าเราจะหมดรักหมดความนิยมในตัวเขาแล้วหากเราไปตอกย้ำซ้ำเติมเขาเข้าอีกมันจะทำให้เขาหมดกำลังใจและเข้าใจผิดคิดว่าเราไม่เห็นคุณค่าของเขาแล้วและวันหนึ่งเราอาจจะเปลี่ยนเป็นอื่น ทีนี้มันจะยุ่งไปกันใหญ่เพราะเขาจะระแวงระวังว่าจะสูญเสียจึงไม่ยอมปล่อยให้เราไปไหนมาไหนคนเดียวได้อีก จะทำอะไรก็ต้องมาคอยประกบคอยจับคอยจ้องคอยซักคอยไซ้ให้หงุดหงิดรำคาญใจหนักเข้าก็ไปเกะกะระรานชาวบ้านที่เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ให้เป็นที่อับอายขายหน้าไพร่ฟ้าประชาชี การให้กำลังใจกันเป็นการสร้างความมั่นใจในกันและกันอย่างดีที่สุด แต่เรื่องนี้มันก็ยากอยู่นะเพราะบางคนรับกำลังใจเป็นอย่างเดียวไม่เคยให้กำลังใจคนอื่นเลย บางคนก็ไม่เป็นทั้งสองอย่างคือรับก็ไม่เป็นให้ก็ไม่เป็น ดังนั้นก็ต้องใช้ความพยายามให้มากๆและอย่าท้อถอยหรือถอดใจง่ายๆ เพราะบอกตรงนี้แล้วนะว่ามันเป็นเรื่องยาก จงทำให้ถึงที่สุด คนเก่งจริงและรักจริงเท่านั้นที่จะทำได้ ถ้าอยากได้คำสรรเสริญว่าเราเป็นคนเก่งจริงรักจริงก็จงมีน้ำอดน้ำทนอย่าให้คำว่า “กูถึงที่สุดแล้ว” มันหลุดออกมาจากปากเราได้
จากเหตุที่ว่าด้วยการเปรียบเทียบอีกเช่นกันบางครั้งมันก่อให้เกิดการหลงผิดคิดว่าน่าจะดีกว่านี้ถ้าคิดเช่นนี้มันจะทำให้เรารู้สึกอยากตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วไปหากินน้ำบ่อหน้า ทั้งที่ตรงนี้ก็มีน้ำให้กินและเราก็กินมันมาตั้งนมนานแล้ว กินจนจำได้ทั้งกลิ่นและรส จำได้แม้กระว่าเมื่อใดน้ำขึ้นเมื่อใดน้ำลง ครั้นพอเห็นตะเกียบอันใหม่สวยใสแปลกตาก็อย่าคิดว่ามันงามมันดีทั้งๆที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าจริงๆแล้วมันมีกลิ่นมีรสเป็นอย่างไรจะเข้าขาเข้าคอกันได้จริงหรือไม่ แต่แล้วเผลอไปหลงไหลได้ปลื้มจนลืมตะเกียบเก่าเหลาเหย่ ลืมแม้กระทั่งจะชะโงกดูน้ำในกะโหลกว่าเราก็เหลาเหย่ลงไปเช่นกัน ไอ้ความหวานความมันที่ฝันว่าจะได้ สุดท้ายมันอาจจะกลายเป็นความเค็มของหยดเหงื่อและหยาดน้ำตาที่หลั่งลงมารดหัวเขาตอนสายไปแล้วก็เป็นได้ จำไว้ว่าถ้าสิ่งที่มีอยู่เรายังทำให้มันดีไม่ได้ก็อย่าหวังว่าเราจะทำสิ่งใหม่ให้มันดีได้เท่า
นอกจากไม่เปรียบเทียบแล้วก็ยังต้องหนักแน่นและมั่นใจในกันและกัน อย่าได้เที่ยวไปฟังเสียงที่ดังมาจากข้างนอกเพราะเสียงข้างนอกนั้นมันเป็นเสียงที่เขาเรียกว่า nuisance มันเป็นเสียงที่ไม่เคยสร้างสรรค์ให้เกิดความสมัครสมานในครอบครัวได้เลยทั้งๆ ที่ต้นกำเนิดเสียงเหล่านั้นมักจะอ้างว่ามีความหวังดีแต่ความหวังดีเหล่านั้นล้วนแต่เป็นความหวังดีที่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์บางทีมันก็เป็นความหวังดีที่แฝงไว้ด้วยความประสงค์ร้าย หากเราหลงเชื่อมันเข้าเราก็จะไขว้เขวและตัดสินใจผิดได้ จำไว้ว่าไม่มีใครรู้ซึ้งถึงปัญหาของเราได้ดีเท่ากับเราสองคนดังนั้นจงนิ่งและฟังกันเมื่อฝ่ายหนึ่งพูดอีกฝ่ายหนึ่งก็อย่าพึ่งโต้ไปในทันทีทันควัน ขอให้นิ่งแล้วฟังให้ดีฟังให้ได้ยินถึงเบื้องหลังของสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งพูดเพราะส่วนใหญ่แล้วสิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่คำพูดนั้นๆหากแต่มันอยู่เบื้องหลังของการพูดต่างหากว่าอะไรทำให้เขาพูดเช่นนั้น เป็นต้นว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาต้องการอะไร ถ้าเรานิ่งและฟังให้ดีเราก็จะสามารถรับรู้และตอบสนองกันและกันได้อย่างตรงประเด็นและทันท่วงที
ท้ายนี้ซึ่งยังไม่ใช่ท้ายที่สุดที่อยากจะบอกก็คือในการอยู่ร่วมกัน มันก็มีบ้างที่บางครั้งฝ่ายหนึ่งอยู่บนอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ล่างหรือฝ่ายหนึ่งอยู่หน้าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่หลังหรือบางทีก็สลับกันไปแล้วแต่โอกาสและความเหมาะสมหรือบางครั้งอาจจะต้องถึงกับตะแคงไปด้วยกันก็มี ทีนี้ไม่ว่าจะไปด้วยกันท่าไหนก็ไม่ต้องเกี่ยงกันหรือไม่ต้องเอามาเป็นที่ถกเถียงกันว่าข้าทำมากเอ็งทำน้อยหรือข้าเด่นเอ็งด้อย เถียงกันอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นเพราะแต่ละกระบวนท่านั้นมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งไม่อยู่ล่างอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่อาจขึ้นไปอยู่บนได้ ขณะเดียวกันหากอีกฝ่ายหนึ่งไม่อยู่หลังอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่อาจอยู่หน้าได้และหากทั้งสองฝ่ายต่างก็แย่งชิงที่จะอยู่หน้าเหมือนกันหรืออยู่บนเหมือนกันโดยไม่คำนึ่งถึงความสามารถหรือความเหมาะสมของตนหรือบางทีพอได้โอกาสอยู่บนก็จะอยู่บนเรื่อยไปไม่คำนึงถึงคนที่อยู่ล่างว่าจะเป็นอย่างไร ไม่มีน้ำใจแบ่งปันโอกาสให้อีกฝ่ายหนึ่งบ้าง แล้วในที่สุดมันก็จะเกิดเรื่องที่น่าเวทนาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกว่า “พอกันที” แล้วลุกขึ้นมาปฏิวัติ
ความรู้สึกที่ว่า “พอกันที” นี้มันเกิดขึ้นได้กับทั้งสองฝ่ายเพราะวันหนึ่งฝ่ายที่เอาแต่ขึ้นหน้าหรืออยู่แต่ข้างบนตลอดเวลาก็จะแพ้ภัยตนเองด้วยความรู้สึกว่า “กูเหนื่อยเหลือเกิน” แล้วก็ยกเอาคำนี้แหละมาอ้างเพื่อหวังว่าตนจะได้สบายเสียทีแล้วสลัดอีกฝ่ายหนึ่งทิ้งไปในฐานะตัวถ่วง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่จะถึงโอกาสของกูสักทีก็จะรอจนกว่าโอกาสเหมาะมาถึงและก็จะฉวยโอกาสนั้นลุกขึ้นมาประกาศได้เช่นกันว่า “พอกันที” แล้วโบยบินไปตามความฝันที่เฝ้ามองมานานอย่างไม่สนใจที่จะหวลกลับคืนมาอีกเลย หากเป็นเช่นนี้จริงมันก็เป็นเรื่องที่น่าสมเพศเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนที่ความน่าสมเพศจะเกิดขึ้น ตะเกียบทั้งสองข้างจะต้องร่วมกันพิจารณาว่าลูกชิ้นที่คีบขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่ว่าตนเป็นคนลุกขึ้นไปคืบมันมาคนเดียว มันเป็นเช่นนั้นไปไม่ได้หรอกเพราะหากอีกฝ่ายหนึ่งไม่ตามไปอย่างเงียบๆและอยู่นิ่งๆคอยประคองให้อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่มีโอกาสคีบมันขึ้นมาได้เลย ดังนั้นชีวิตคู่จะได้ดีมีความเจริญขึ้นมาได้ทั้งสองฝ่ายก็มีส่วนร่วมด้วยกันทั้งนั้น ถ้าไปพร้อมกันได้มันก็เป็นภาพที่สวยงามที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็บรรลุเป้าหมายที่ตนต้องการ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปก่อนและเป็นฝ่ายนำหน้าก็อย่าลืมหันหลังกลับมามองบ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอย่างไรบ้างเผื่อจะได้ช่วยฉุดช่วยดึงให้ตามกันไปได้ทัน แต่หากคิดว่าข้าจะไปและไปข้างหน้าเรื่อยๆโดยไม่สนใจอีกฝ่ายหนึ่งมันก็เหมือนตะเกียบข้างเดียว ก็อย่าหวังว่าจะได้ลูกชิ้นที่สมบูรณ์เพราะมันคีบไม่ได้ มีทางเดียวที่จะทำได้ก็ด้วยการทิ่มทะลุเข้าไปในลูกชิ้นให้มันติดขึ้นมาก็เท่ากับว่าได้ลูกชิ้นที่มีตำหนิที่ไม่สมบูรณ์และจะหวังไปทิ่มเพชรทิ่มพลอยให้มันติดขึ้นมาก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าอยากได้เพชรได้พลอยมาประดับยอดไม้เท้าหรือยอดตะบองให้เกิดความสวยงามในบั้นปลายก็ต้องไปพร้อมๆกัน และหวังว่าคงจะถูกใจในของขวัญวันแต่งงาน
อาเตี๋ย
14 กุมภาพันธ์ 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น