พอแยกตัวจากสองหนุ่มสาวมาปรีชาก็เดินตรงไปที่บ้านพัก
เขาตั้งใจว่า
“...จะอาบน้ำให้สบายตัวเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกไปที่โรงครัวเตรียมของที่จะใช้ทำอาหารเย็นมื้อนี้แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี แต่ก็เอาเถอะมีอะไรก็ทำกินไปก็แล้วกัน เป็นซะอย่างนี้ทุกทีพอนึกถึงเรื่องกินแล้วบางครั้งมันก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน มันเป็นอะไรกันแน่ มันเป็นความอยากหรือว่าเป็นความต้องการหรือว่ามันเป็นสันดาน ไอ้นั่นก็ไม่อยากกินหาว่าเบื่อ ไอ้นี่หรือก็ไม่อร่อยหรือว่าจะกินไอ้นั่นมันอร่อยดี ไม่รู้เป็นไงใครจะว่าไม่อร่อยก็ช่างหัวมันแต่กูว่าอร่อยกูก็กินของกูมาแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้กูก็เห็นแม่กูทำให้กินเรื่อยแต่ก็แปลกแฮะแม่ทำยังไงนะถึงได้อร่อย ไปกินที่ไหนก็ไม่อร่อยเหมือนที่แม่ทำ ยืนดูแม่ทำก็ตั้งหลายครั้งแม่สอนให้ทำก็ตั้งหายหนทำไม๊เรามันถึงได้ทำไม่อร่อยเหมือนที่แม่ทำซักทีแต่ก็เอาเถอะพอกินได้ก็แล้วกันน่า คิดอะไรมาก
“มีอะไรก็กินเข้าไป กินอิ่มแล้วมีอะไรทำก็ไปทำไม่มีอะไรทำก็พักผ่อนซะพรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงานต่อ”
เอ...นี่มันเป็นคำพูดของพ่อนี่หว่า พ่ออยู่ไหนนะเป็นเทวดาอยู่บนฟ้าบนสวรรค์หรือว่าพ่อยังอยู่แถวนี้มาหาเราที ไปหาพี่ที ไปหาน้องที ไปหาแม่ทีหรือว่าพ่อไปเกิดใหม่แล้ว ไปเกิดเป็นอะไร นี่ถ้าพ่อยังอยู่ป่านนี้ไม่ปาเข้าไปเกือบร้อยแล้วหรือ พ่อ!.. ผมคิดถึงพ่อนะ ผมจำได้ทุกอย่างแหละที่พ่อสอนนะ อย่างไอ้เรื่องกินนี่ก็เหมือนกันผมก็ยังจำได้ว่าพ่อสอนผมว่ายังไง ไอ้นิทานเรื่องนั้นนะเหรอ สองพี่น้องลูกเศรษฐีที่พ่อตายแล้วทิ้งสมบัติไว้ให้ ผมก็ยังจำได้ ก่อนตายพ่อมันบอกว่า
“ให้กินอิ่มทุกคาบ กินลาบทุกมื้อ”
ไอ้พี่มันโง่หรือมันซื่อหรือว่ามันบื้อก็ไม่รู้ พ่อบอกว่ายังไงมันก็ทำยังงั้น มันคิดไม่เป็น มันไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักแอ็บพลาย ไม่รู้จักประยุกต์ไอ้พวกคิดแต่ในกรอบ กบในกะลา ไม่กล้าคิดกล้าทำสิ่งใหม่ๆ พอได้สมบัติพ่อมามันก็พาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านทุกวันกินอิ่มทุกคาบกินลาบทุกมื้ออิ่มหมีพีมันเหล้ายาปลาปิ้งมีกินไม่อั้น ใช้ชีวิตอยู่บนความหรูหราฟุ่มเฟือย หาแต่ความสุขสบายใส่ตัว การงานไม่ทำเพราะถือว่าพ่อทิ้งสมบัติไว้ให้เยอะ
แล้ววันหนึ่งทรัพย์สินเงินทองที่พ่อให้ไว้ก็หมดไป เพื่อนฝูงที่เคยมากินมาเล่นมาหัวก็หายตัวไปหาใครไม่เจอ ทีนี้ไม่รู้จะบากหน้าไปหาใครจึงคิดขึ้นมาได้ว่ามีน้องอยู่อีกคนหนึ่งก็ตอนเงินสลึงไม่ติดกระเป๋านี่แหละ ตั้งแต่พ่อตายก็ไม่เคยได้ข่าวคราวว่าน้องอยู่ที่ไหนมีความเป็นอยู่อย่างไรเพราะมัวแต่หลงระเริงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเห็นความชั่วเป็นของเล่น จึงออกเดินทางเร่ร่อนสอบถามผู้คนว่าน้องอยู่ไหน ค่ำไหนนอนนั่น ร่างกายที่เคยอ้วนท้วนจนพุงโย้ก็ค่อยๆ ผอมโซลงไปเพราะอดมื้อกินมื้อไม่มีเงิน กระทั่งไปพบว่าน้องยังอยู่ดีมีสุข มีบ้านหลังใหญ่เรือกสวนไร่นา ขี้ข้าเต็มบ้านบริวารเต็มเรือน ก็เข้าไปหาน้อง ถามน้องมันว่าทำยังไงถึงยังได้มีสมบัติพัสถานมากมายใหญ่โตอย่างนี้ น้องมันบอกว่า
“ก็ทำอย่างที่พ่อบอกไง กินอิ่มทุกคาบ กินลาบทุกมื้อ”
พี่มันก็ยังงงเพราะมันก็ทำอย่างที่พ่อบอกเหมือนกัน แล้วทำไมเงินทองถึงได้ไม่มีเหลือ ตื่นมารุ่งเช้าอีกวันน้องมันก็ยื่นเสียมยื่นจอบให้พี่ พาพี่มันเข้าไปในไร่ไปขุดดินดายหญ้าปลูกผักปลูกผลไม้ จนถึงเที่ยงถึงบ่ายก็แกะข้าวห่อออกมากินกันสองคนพี่น้อง พี่มันหิวเพราะไม่เคยทำงานหนักเลยกินข้าวเสียจนไม่เหลือติดห่อสักเม็ด พอกินอิ่มพี่มันก็ถามน้องอีกว่าทำยังไงถึงได้มีเงินทองมากมาย น้องมันก็ตอบเหมือนเดิมว่า “ทำอย่างที่พ่อบอก กินอิ่มทุกคาบ กินลาบทุกมื้อ” แล้วตอนนี้กินอิ่มหรือยัง พี่มันก็ตอบว่าอิ่ม แต่ก็ยังสงสัยว่า กินลาบทุกมื้อแล้วทำไมมื้อนี้ไม่เห็นมีลาบ น้องมันก็เลยบอกว่าที่กินนั่นแหละลาบ “ปลาร้าสับ” ต้องเอาปลาร้ามาลาบมาสับให้ละเอียดก่อนถึงจะปรุงได้ แล้วอร่อยไหม พี่มันไม่เคยได้กินปลาร้ามานานทั้งๆ ที่เกิดออกมาจากไหปลาร้ามา พอได้กินวันนี้ด้วยความเหนื่อยด้วยความหิว ปลาร้าที่ว่าลูกเศรษฐีไม่กินทำเป็นปลิ้นจมูกเชิดหน้าใส่เขาพอได้ยินใครเขาว่าใส่ปลาร้า ..แหวะ..กินไม่ได้ ..เหม็น.. กินเข้าไปได้ยังไงสกปรก ดูถูกเขาหาว่าไอ้ที่เขากินนั้นมันเป็นอาหารชั้นต่ำ ต้องกินหมูกินเนื้อชิ้นโตๆ ซิ ...สเต็ก... แต่ก็ลืมคิดไปว่าก่อนที่มันจะมาเป็นเนื้อชิ้นโตๆในจานนะเจ้าของมันยืนน้ำตาไหลวิงวอนขอความเห็นใจว่าอย่าฆ่าข้าเลยจะเอาข้าไปใช้งานหรือจะเฆี่ยนจะตีข้ายังไงก็เอา ไว้ชีวิตข้าเถอะ อย่าฆ่าข้าเลย คนก็ยังอุตส่าห์เอามีดไปเสียบคอมันอีก ดูซิมันตายทั้งน้ำตาตายทั้งยืน แล้วยังเอาถังไปรองเอาเลือดเอาน้ำตามันมากินอีก เนื้อนะเหรออร่อย "เนื้อเปื้อนน้ำตา" เวลาทอดยังบอกเขาอีกนะว่าไม่ต้องให้สุกมาก เอาแค่มีเดี่ยมๆ ก็พอมีเดี่ยมก็คือเอาลงนาบกะทะให้ผิวมันเกรียมนิดนึงแล้วก็พลิกอีกข้าง แป็บเดียวเหมือนกัน บางคนเรียกว่าเนื้อสามสี ข้างนอกเกรียมน้ำตาลไหม้ถัดลงไปก็ซีดๆ หน่อยเพราะเลือดมันสุกแต่ตรงกลางให้แดงเข้าไว้ ให้ข้างในฉ่ำๆ หน่อย อู้ย..น้ำลายหก...แหวะ...กินเข้าไปได้ยังไงเลือดยังแดงๆ อยู่เนื้อข้างในก็ไม่สุก แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าหวาน...มันดี....อร่อย...โธ่เอ้ย!...หารู้ไม่ว่าพยาธิทั้งนั้น กินสุกๆ ดิบๆ ไปดูซิในฟาร์มหมูฟาร์มวัว ว่ามันอยู่กันยังไง เบียดเสียดยัดเยียด นอนแช่ขี้แช่เยี่ยวย่ำดินย่ำโคลน เหม็นสาบเหม็นคาว อย่าว่าเข้าใกล้เลยอยู่ห่างเป็นกิโลก็ยังเหม็นเลย เวลาฝนตกนะโคตะระเหม็นเลย แล้วก้อเชื้อโรคทั้งนั้น โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยเอย โรควัวบ้าเอย แล้วนี่ยิ่งไปดูในโรงฆ่าสัตว์ตอนเขาชำแหละมัน ปลิ้นใส้ปลิ้นพุงมันออกมา พยาธิทั้งนั้นยั้วเยี้ยอยู่ข้างใน บางทีพยาธิก่อตัวเป็นซีสเป็นก้อนเนื้อแข็งๆด้านๆ หาว่านั่นแหละดีแย่งกันกิน มันอร่อยดีกุบๆดี ฮึ้ย.....
เป็นไงละวันนี้กินปลาร้าสับกับยอดกฐินของสูงนะ กินแล้วเป็นมงคลไม่จน ขมิ้นขาว ถั่วฝักยาว อร่อยไหม ไอ้พี่มันหิวกินอะไรก็อร่อยทั้งนั้น กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ปลาร้าเนี่ยของดีไม่เชื่อก็จะเล่าให้ฟัง น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา น้ำต้องสะอาดปลาถึงอยู่ได้ถ้าน้ำสกปรกปลาตายหมดไม่มีปลาที่ไหนอยู่ได้หรอก มันตายตั้งแต่เล็กๆแล้วและก้อไม่มีใครเอาปลาเล็กๆ มาทำปลาร้ากินกันหรอกนอกจากปลากระดี่ที่ตัวมันเล็กอยู่แล้ว ปลาร้าปลากระดี่ซิดีหอมยิ่งเอาใบตองกล้วยมาห่อนะแล้วย่างไฟให้สุกกลิ่นหอมใบตองกล้วยนะ...แล้วซอย หัวหอมซอยตะไคร้บางๆ เอาบางๆ นะพิถีพิถันหน่อย โรยเข้าไป บีบมะนาว พริกขี้หนูแห้งย่างไฟให้หอมๆ ยีลงไปอีก ความเค็มในเนื้อปลาความเปรี้ยวของมะนาว ความหอมของใบตองย่าง พริกย่างหัวหอมรวมกันเข้า ความเผ็ดร้อนของพริกช่วยให้เจริญอาหาร หัวหอมสดๆชู้มันเลยแหละ รวมกับตะไคร้หอมเย็นบำรุงธาตุป้องกันท้องเสียร้องร่วงได้อีก หิวๆ เหนื่อยๆ ร้อนๆ กินกลางสวนกลางไร่อย่างนี้ได้บรรยากาศเป็นที่สุด แล้วนี่ที่กินเนี่ยปลาร้าปลาช่อนนะ ไปดูซิปลาช่อนตัวโตๆ ทั้งนั้น ถึงจะมาจากในฟาร์มก็เถอะ น้ำต้องสะอาดไม่งั้นปลาอยู่ไม่ได้ ปลาเนี่ยเป็นอาหารที่สะอาดเนื้องี้ขาวจั๊วเลย เลือดในเนื้อปลาแทบจะไม่มีเลยไม่ว่าปลาอะไรทั้งนั้น
คนญี่ปุ่นเห็นไหมที่ว่าฉลาดๆ ตัวโตๆนะ ไม่ยุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กินปลากันทั้งประเทศ กินปลากันเป็นอาหารทั้งปลาดิบปลาสุก ปลาแห้ง ปลาร้า แต่เขาไม่เรียกปลาร้าเขาเรียกอะไรนะ เอ้อ..นึกไม่ออกเสียแล้วซิ แล้วเป็นไงเห็นรึยัง ปลาร้าไม่ใช่ว่าไม่ดี ดียิ่งกว่าปลาเค็มปลากุเลาเสียอีก ปลาร้าเขาคลุกกับเครื่องปรุงมากมาย ตอนทำนะต้องรีบทำตอนที่เนื้อปลายังสดๆ อยู่ไม่ใช่เอาปลาเน่ามาทำ แมลงวันซักตัวก็ไม่ให้ตอมเดี๋ยวมันจะมาวางไข่เป็นหนอน เสียของ....ขาดทุน....ไอ้ที่เห็นหนอนในปลาร้านะมันเป็นความชุ่ยของพวกพ่อค้าแม่ค้าต่างหากที่ไม่ระมัดระวัง เปิดอ้าซ่าวางไว้ในตลาดนะแมลงวันมันเยอะอย่างกะอะไรดี หนอนนะมันมาเกิดทีหลังนี่ มีเหรอแม่ค้าพ่อค้าคนไหนเขาจะซื้อปลาร้าเป็นหนอนมาขาย ไม่มีหรอก คนทำก็เหมือนกันเขาก็รีบทำรีบคลุกแล้วเอาลงไหปิดไว้มิดชิดไม่ให้อะไรเข้าไปได้ แม้แต่ลมยังไม่ให้เข้าไปเลยมันมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ในอากาศเยอะ ปิดเสร็จแล้วเอาไปหมักไปบ่มอีกตั้งหลายเดือนกว่ามันจะเข้าที่ พิถีพิถันเหมือนทำไวน์นั่นแหละ ไวน์ยังสกปรกกว่าซะอีก บางที่เอาองุ่นใส่ถังแล้วให้สาวๆ เอาส้นตีนลงไปเหยียบไปย่ำให้น้ำมันออกมา คิดดูซิตีนฝรั่งนะมันเหม็นแค่ไหนแล้วมันย่ำทุกวันๆ เปื่อยไหมหนังตีนนะ บางคนหาว่านั่นแหละดีวิธีดั้งเดิม....ของแท้ต้องส้นตีนเหยียบ... ได้รสชาด... ยิ่งหมักนานยิ่งดีมีคุณภาพ....น้ำส้นตีนหมัก..ฮ้า..ฮ้า.. แต่เขาก็เอามากลั่นแล้วนะผ่านความร้อนแล้ว ..แล้วไง.. ปลาร้าก็ย่างไฟแล้วต้มแล้วจนสุก มันต่างกันตรงไหน ปลากุเลายังแค่เอาไปยัดไว้ในเกลือพอเกลือซึมเข้าเนื้อก็เอามาตากเหม็นจะตาย เครื่องปรุงเครื่องเทศอะไรก็ไม่ใส่ ยิ่งตอนตากนะบางเจ้านะไม่ใช่ทุกเจ้าแมลงวันหัวเขียวตัวโตๆ เกาะกันเป็นร้อย เผลอแป็บเดียววางไข่ครึ่งวันเป็นหนอนชอนไช ก็เก็บมาเขี่ยเอาหนอนออก เอาปลาใส่ถุงแขวนไว้ขาย คนไม่รู้ก็นึกว่าดีเจ้านี้สะอาดใส่ถุงเรียบร้อย บางทีลูกค้าเห็นหนอนทนโท้ยังมีหน้ามาโฆษณาอีกนะว่าของดีไม่มีสารกันบูดไม่มียาฆ่าแมลง แล้วไง....เชื่อ...ซื้อ...แพงด้วย...ของดีไม่มีสารพิษเจือปน...มันโง่หรือมันบ้าวะ...(ไม่รู้ใครเหมือนกัน) แล้วที่ว่าเหม็นๆ นะลองเอาปลากุเลากับปลาร้ามาวางคู่กันแล้วดมซิว่าอะไรมันจะเหม็นกว่ากัน โธ่!....ค่านิยมบ้าๆ ทีนี้รู้รึยัง “กินอิ่มทุกคาบ กินลาบทุกมื้อ” ที่พ่อบอก แล้วพี่ชายมันก็ถึงบางอ้อ..
นิทานเรื่องนี้ของพ่อมันให้แง่คิดดีจริงนะพ่อ กินอะไรก็อยู่ได้ถ้ากินเพื่ออยู่ ตอนผมเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯเมื่อก่อนไข่เค็มใบเดียวผมยังกินกับข้าวได้ตั้งสองมื้อ เออ!...แล้ววันพระหน้านี้พ่อจะกินอะไรเดี๋ยวผมจะทำไปใส่บาตรให้...
ปรีชาเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่นิ่งโดยเฉพาะในสมองของเขา ชอบคิดนั่นคิดนี่ คิดแล้วก็เอามาทดลองทำมันเป็นนิสัยที่เขาได้รับมาจากพ่อของเขา บางครั้งคิดอะไรไม่ออกเขาก็จะนั่งคิดถึงความหลังครั้งที่พ่อยังมีชีวิตอยู่แล้วก็จะถามคำถามนั้นกับพ่อดูว่าพ่อเขาจะคิดอย่างไรแล้วก็ได้ผลทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร ปัญหาเล็ก ปัญหาใหญ่ ปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว ปัญหาชุมชน ปัญหาสังคม
“ทุกปัญหาแก้ได้ถ้าเราจะแก้ ไอ้ที่แก้ไม่ได้ก็เพราะไม่ตั้งใจแก้ บางคนเหยียบขี้ไก่ยังไม่ทันฝ่อก็ท้อแท้ถอดใจไปเสียแล้ว อย่างนี้จะไปสู้อะไรกับใครเขาได้ ”
มัวแต่คิดถึงความหลังคิดถึงพ่อเลยไม่ทันได้ระวังสติ ไม่รู้ตัวว่าอาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่ แต่งตัวยังไง ทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติเป็นไปตามความเคยชินเพราะจิตใต้สำนึกมันรู้อยู่แล้วว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหนก๊อกน้ำ สบู่ ผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างไร ไม่ต้องมองก็หยิบถูก
ปรีชาในชุดกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเนื้อหนานุ่มที่ซีดจางลงไปบ้างบริเวณหน้าขาและขอบกระเป๋า เสื้อยืดคอกลมสีขาวทับด้านนอกอีกชั้นด้วยเสื้อแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายสีดำลายเมืองเหนือ เขาเดินออกมาจากห้องนอนด้วยความสดชื่นหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พอเห็นเจ้าโจนอน หมอบเฝ้าลูกปิงปองสีส้มอ่อนที่วางอยู่บนพื้นข้างปากของมัน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าสองคนนั้นตกลงพักอยู่ที่บ้านชมจันทร์ ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากพร้อมกับเสียงหัวเราะหึ หึ ในลำคอเป็นบทสนทนาหนึ่งในใจปรีชาที่เล็ดลอดออกมาเสมอเวลาเขาอยู่คนเดียว วิตามินซีในกระป๋องบนหลังตู้ถูกหยิบออกมาหนึ่งเม็ดยื่นให้เจ้าโจและการตบเบาๆ สองสามทีที่แผงคอพร้อมคำพูด “ดีมากโจ” เป็นรางวัลที่เขาจะให้มันทุกครั้งเมื่อทำงานสำเร็จ
“ ไป” ปรีชาชวนเจ้าโจออกไปที่โรงครัว ระหว่างทางมันก็วิ่งไปดมนั่นทีดมนี่ที บางครั้งมีกระรอกตัวเล็กๆ ลงมาหากินตามพื้นหญ้าเจ้าโจก็จะไล่ตะคลุบแต่ด้วยความที่มันตัวโตปุกปุยอุ้นอ้ายเลยทำให้มันไม่เคยจับกระรอกได้สักทีซึ่งปรีชาก็ปรารถนาที่จะไม่ให้มันจับได้อยู่แล้ว พอเจ้าโจวิ่งลิ้นห้อยหอบแฮกๆ กลับมาเขาก็มักจะพูดกับมันว่า
“ เป็นไง เหนื่อยละซิ สมน้ำหน้า อยากแกล้งเขาดีนัก”
หกโมงเย็นกว่าๆ ดวงอาทิตย์พึ่งลับขอบฟ้าไป ยังคงเหลือเพียงแสงสีเทาเรืองๆ ที่เล็ดลอดขอบฟ้าขึ้นมาให้พอมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้บ้างเล็กน้อย เขารีบเดินไปให้ถึงโรงครัวก่อนที่เวทีกลมๆ ใบนี้จะมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร พอถึงตอนนั้นฉากหลังสีดำผืนใหญ่ก็จะค่อยๆ เลื่อนลงมาเพื่อขับแสงจากดวงดาวนับล้านดวงให้เปล่งประกายเจิดจ้าห้อมล้อมแม่จันทราผู้เลอโฉมที่คอยขับกล่อมมวลมนุษย์อยู่ทุกราตรี
พระสุริยาเจิดจ้าว่าแรงร้อน แห้งเหือดขอดพระสมุทรสุดตาสาย
เกิดดินแยกแตกระแหงฟุ้งกำจาย ยังความตายสุดหล้าฟ้าบาดาล
ทั้งอินทร์พรหมยมโลกโศกกำสรด สุดสลดพระฤทธาโลกาผลาญ
แสนโกฏิชาติสาดให้โลกวายปราณ พอถึงกาลพระยังโปรดยกโทษให้
เกิดง้วนดินผินผึ่งหอมหึ่งกิเสล ทั้งพรหมเปรตลงมาพาหลงใหล
ก่อสังขารสังวาสสังเวยวัย วนเวียนไปในวัจจะวัฏฏะเดิม
ปรีชานึกย้อนไปถึงการกำเนิดโลกและมนุษย์ที่เคยอ่านในพระไตรปิฎกแล้วร้อยเรียงมันขึ้นมาบนกระดาษขณะที่นั่งรอสองหนุ่มสาว...(5)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น