“ ทีนี้เรามาดูกันก่อนว่าทำไมเขาถึงเรียกว่าปมออดิปุส ปมอีเล็คตร้า..” ปรีชาหยิบไปน์ขึ้นมาจุดสูบพลางเรียบเรียงความคิดก่อนที่จะเล่าให้หนุ่ยและดาฟังต่อไป ขณะเดียวกันดาสาวน้อยผู้หลงใหลในรสชาดของเดอลองกองก็ยกแก้วขึ้นมาจิบอีกอึกใหญ่ๆ
“เอ้า..พัฒนาการห้าขั้นในช่วงวัยเด็กตามทฤษฏีบุคลิกภาพของฟรอยด์มันมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพของคนเราในวัยผู้ใหญ่ในด้าน การมองโลก การดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาชีวิต การตอบสนองและการเรียกร้องในสัมพันธภาพระหว่างกัน เมื่อกี้เราพูดกันยังไม่จบเรื่องพัฒนาการในวัยวัยเด็ก เราค้างกันอยู่ที่เรื่องของปมออดิปุสกับปมอีเล็คตร้า ที่เขาเรียกชื่อแปลกๆ นี้ก็เพราะฟรอยด์ได้เอาชื่อนี้มาจากตัวในนิยายกรีกโบราณ
ออดิปุสนี้เป็นลูกกษัตริย์โพลีบัสเจ้าผู้ครองนครคอรินธ์ วันหนึ่งเขาเดินทางมาสักการะเทพเจ้าอะพอลโลที่วิหารในเมืองเดลฟีด้วยความกลุ้มใจที่ชาวบ้านต่างก็หาว่าเขาไม่ใช่ลูกกษัตริย์โพลีบัสซึ่งเขาไม่เชื่อเพราะโตมาก็เห็นแต่หน้าพ่อที่เป็นกษัตริย์โพลีบัสแล้ว พอมาที่วิหารอะพอลโลนักบวชที่นั่นก็ทำนายเขาไปในทางร้ายอีกว่าออดิปุสเองจะต้องฆ่าพ่อตายแล้วเอาแม่มาเป็นเมีย ก็ยิ่งทำให้เขากลุ่มใจหนัก ทีนี้จึงตัดสินใจไม่กลับเมืองเพราะกลัวว่าจะเป็นนจริงตามคำทำนาย พอออกเดินทางจากวิหารอะพอลโลมาได้ไม่เท่าใดก็มาทะเลาะกับคนกลุ่มหนึ่งในเรื่องที่ไม่มีใครยอมหลีกทางให้ใคร ออดิปุสซึ่งยังหนุ่มแน่นมีฐานะเป็นถึงลูกกษัตริย์และฝึกวิชาการต่อสู้มาเป็นอย่างดีก็ไม่ยอมให้ใครมาหยามเกียรติและยิ่งกำลังกลุ้มใจอยู่ด้วยก็เลยระบายออกด้วยการฆ่าคนพวกนั้นตายเรียบสี่คนเหลืออีกคนหนีไปได้ แล้วก็ออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปทางนครธีบีส
พอถึงประตูเมืองก็ไปเจอตัวสฟิงซ์ สิงห์โตมีปีกครึ่งท่อนบนเป็นผู้หญิง เดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูเมือง ใครเดินผ่านมามันก็จะจับตัวไว้แล้วถามคำถาม ใครตอบไม่ได้มันก็จับกินเป็นอาหาร พอออดิปุสเดินผ่านมาจะเข้าไปในเมือง เจ้าสฟิงซ์ก็กั้นประตูเมืองไว้แล้วบอกว่าถ้าเขาตอบคำถามได้ก็จะปล่อยให้เข้าไปในเมือง คำถามก็มีอยู่ว่า
ตอนเช้าเดินสี่ขา พอเที่ยงมาเดินสองขา ตกเย็นเห็นเดินสามขา ถ้าตอบได้ว่าสัตว์ที่ว่านั้นคืออะไรก็จะปล่อยตัวไป
ตอนนี้ลองช่วยออดิปุสคิดกันหน่อยว่ามันคือตัวอะไร” ปรีชาลองให้หนุ่ยและดาคิดหาคำตอบ ด้วยเวลาไม่นานนักหนุ่ยก็คิดคำตอบพร้อมคำอธิบายได้ถูกต้อง เรียกคะแนนนิยมจากดาได้อีกหนึ่งฟอด
“ ใช่ เป็นคำตอบเดียวกับที่ออดิปุสให้กับสฟิงซ์คือ คน ที่เกิดมาตอนเป็นเด็กยังเดินไม่ได้ก็คลานสี่ขาไปก่อน โตมาแข็งแรงขึ้นไข่ตั้งได้ก็เดินสองขา พอแก่ตัวไม่มีแรงพยุงกายก็ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเลยกลายเป็นเดินสามขา สฟิงซ์ก็ยอมแพ้ แต่ออดิปุสเห็นว่าหากปล่อยให้มันอยู่อย่างนี้ต่อไปชาวบ้านก็จะมีแต่ความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็เลยฆ่าสฟิงซ์ตายแล้วเข้าไปในเมือง พอชาวบ้านย่านตลาดรู้ข่าวว่าเขาเป็นคนปราบสฟิงซ์ได้ต่างก็ไชโยโห่ร้องดีใจยกย่องให้เขาเป็นวีรบุรุษ ประกอบกับช่วงนั้นกษัตริย์ผู้ครองนครธีบีสสวรรคต ชาวบ้านก็เลยพร้อมใจกันแต่งตั้งให้ออดิปุสขึ้นเป็นกษัตริย์และอภิเสกสมรสกับพระนางโจเคสต้า ซึ่งออดิปุสก็ไม่ได้รังเกียจแม่หม้ายทรงเครื่องอย่างพระนาง อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาจนมีลูกโตเป็นผู้ใหญ่ ก็เกิดภัยพิบัตขึ้นในเมืองอีก บ้านเมืองแห้งแล้ง เกิดโรคระบาดทั้งคนทั้งสัตว์ต่างก็ล้มตายเกือบหมดเมือง ออดิปุสก็ส่งคนไปถามเทพเจ้าอพอลโลที่เมืองเดลฟี ก็ได้คำตอบว่าการจะแก้อาถรรณ์ได้ต้องจับตัวคนที่ฆ่ากษัตริย์ไลอันมาลงโทษ
ออดิปุสจนปัญญาด้วยไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่ากษัตริย์ไลอัน จึงไปถามโหรหลวง ทีแรกโหรหลวงไม่ยอมตอบแต่ทนการรบเร้าของออดิปุสไม่ไหว โหรหลวงก็ชี้หน้าออดิปุสว่าก็เจ้านั่นแหละที่เป็นคนฆ่า ออดิปุสก็ไม่เชื่อเพราะยังไม่เคยทำสงครามจะไปฆ่ากษัตริย์ไลอันได้อย่างไร ออดิปุสจึงไปถามเรื่องราวต่างกับพระนางโจเคสต้า พระนางก็เล่าว่า กษัตริย์ไลอันสู้กับกองโจรและสิ้นพระชนม์ระหว่างทางที่จะไปนครเดลฟี ก่อนหน้าที่ออดิปุสจะเข้ามาในเมืองนี้ แล้วออดิปุสก็เล่าสาเหตุการมาเมืองนี้ของเขาให้พระนางฟัง
ออดิปุสจนปัญญาด้วยไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่ากษัตริย์ไลอัน จึงไปถามโหรหลวง ทีแรกโหรหลวงไม่ยอมตอบแต่ทนการรบเร้าของออดิปุสไม่ไหว โหรหลวงก็ชี้หน้าออดิปุสว่าก็เจ้านั่นแหละที่เป็นคนฆ่า ออดิปุสก็ไม่เชื่อเพราะยังไม่เคยทำสงครามจะไปฆ่ากษัตริย์ไลอันได้อย่างไร ออดิปุสจึงไปถามเรื่องราวต่างกับพระนางโจเคสต้า พระนางก็เล่าว่า กษัตริย์ไลอันสู้กับกองโจรและสิ้นพระชนม์ระหว่างทางที่จะไปนครเดลฟี ก่อนหน้าที่ออดิปุสจะเข้ามาในเมืองนี้ แล้วออดิปุสก็เล่าสาเหตุการมาเมืองนี้ของเขาให้พระนางฟัง
แต่ออดิปุสก็ยังไม่ได้ความอยู่ดีว่าใครฆ่ากษัตริย์ไลอัน ต่อมาก็มีราชอำมาตย์นำสารมาจากนครคอรินธ์มาแจ้งข่าวว่ากษัตริย์โพลิบัสสิ้นพระชนม์แล้ว พระนางโจเคสต้าจึงบอกออดิปุสว่าเห็นไหมนักบวชที่วิหาร อพอลโลทายไม่ถูก ท่านไม่ได้ฆ่าพ่อสักหน่อย พอราชอำมาตย์นำสารรู้ว่าออดิปุสที่หนีมาเพราะกลัวว่าตนจะเป็นคนฆ่าพ่อจึงได้พูดความจริงให้ฟังว่า ออดิปุสนั้นไม่ใช่ลูกที่แท้ของกษัตริย์โพลิบัส เขาได้ออดิปุสมาจากคนเลี้ยงแกะจึงนำไปถวายพระองค์ตั้งแต่ยังเป็นทารก
นิทานก็คือนิทาน พอดีคนเลี้ยงแกะเข้ามาในวังความก็เลยแตกเพราะตอนที่ออดิปุสเกิดมานักบวชที่วิหารอพอลโลทำนายว่าออดิปุส จะต้องฆ่าพ่อแล้วเอาแม่มาเป็นเมีย พ่อของเขาก็เลยให้คนเลี้ยงแกะเอาไปทิ้งบนภูเขาหวังจะให้ตายแต่คนเลี้ยงแกะสงสารทารกน้อยจึงเอาไปให้อำมาตย์ถวายกษัตริย์โพลีบัส
พอพระนางโจเคสต้ารู้ความจริงก็ทำใจไม่ได้จึงหนีเข้าไปในห้องแขวนคอตาย ออดิปุสมาเห็นเข้าก็ทำใจไม่ได้ เขารู้สึกอัปยศอดสูเป็นอย่างมากที่ตนนั้นฆ่าพ่อแถมยังได้แม่มาเป็นเมียอีก ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ทีไหนรู้สึกขยะแขยงตัวเองมากจนไม่อาจมองหน้าตัวเองได้อีกต่อไป จึงเอานิ้วทิ่มตาตัวเองบอดทั้งสองข้างแล้วหนีผู้คนออกจากวังไปใช้หนี้กรรมที่ได้ก่อไว้และตายอย่างทุกข์ทรมารในที่สุด
ตรงนี้แหละที่ฟรอยด์ได้นำมาอธิบายพฤติกรรมของเด็กผู้ชายในพัฒนาการช่วงอายุสามถึงห้าขวบ อย่างที่ได้เล่าให้ฟังมาแล้วว่าเด็กผู้ชายอยากครอบครองเป็นเจ้าของแม่แต่ผู้เดียวแต่ก็รู้ตัวดีว่าสู้พ่อไม่ได้บางครั้งก็นึกอยากจะให้พ่อตายไปซะแต่ก็รู้สึกผิดรู้สึกว่านั่นเป็นบาปจึงหันไปเป็นพวกเดียวกับพ่อเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อ เพื่อที่แม่จะได้รักตนบ้าง จนถึงระยะหนึ่งคือห้าขวบไปแล้วเมื่อเด็กเรียนรู้สังคมรอบข้างมากขึ้น สนใจเพื่อนมากขึ้นก็จะทิ้งความสนใจนี้และลืมไปในที่สุด แต่คนที่ไม่สามารถก้าวข้ามขั้นนี้ไปได้ก็จะมีพฤติกรรมอย่างที่เล่าให้ฟังแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องของอีเล็คตราบ้าง
อีเล็คตรานี้เป็นชื่อตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องมหาสงครามระหว่างชาวกรีก กับชาวทรอยที่รบกันยืดเยื้อยาวนาน เธอเป็นลูกแม่ทัพกรีก เรื่องก็มีอยู่ว่า
ในมหานครโอลิมปัสมีธิดาสวรรค์นางหนึ่งชื่อว่าอีริสผู้ซึ่งไม่มีใครชอบเธอ เวลามีงานชุมนุมอะไรก็ไม่มีใครเชิญเธอเข้าร่วมจึงสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้เธอเป็นอย่างมาก มาวันหนึ่งมีงานชุมนุมกันอีกทุกคนได้รับเชิญหมดยกเว้นเธอคนเดียว เธอจึงตั้งใจไปก่อกวนงาน พอไปถึงที่งานเธอก็โยนลูกแอปเปิลทองคำที่สลักเป็นอักษรว่า “สำหรับคนสวยที่ประเสริฐสุด” เข้าไปกลางงาน ปรากฏว่ามีธิดาสวรรค์ถึงสามนางที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นเจ้าของแอปเปิลลูกนั้น จึงเดือดร้อนถึงมหาเทพซูสผู้เป็นเจ้าแห่งเทวดาทั้งหลายต้องลงมาตัดสินแต่พระองค์ไม่ยอมตัดสินโดยมอบหน้าที่ในการตัดสินนี้ให้กับ เจ้าชายหนุ่มที่ชื่อว่าปารีสผู้ซึ่งถูกกษัตริย์เปรียมพระบิดาเนรเทศออกจากเมืองให้ไปเป็นคนเลี้ยงแกะอยู่แถบเขาอิดา
ธิดาสวรรค์ทั้งสามก็ได้เดินทางไปให้เจ้าชายปารีสเป็นคนตัดสินและต่างก็ติดสินบนเจ้าชาย โดยนางเฮร่ารับปากว่าจะให้เจ้าชายได้เป็นใหญ่ครอบครองทั้งทวีปยุโรปและเอเซีย นางอะทีนารับปากว่าจะให้เจ้าชายเป็นแม่ทัพใหญ่ของชาวทรอยไปปราบชาวกรีช นางแอฟโฟรไดตีรับปากว่าจะหาหญิงที่สวยที่สุดในโลกนี้มาให้ เจ้าชายปารีสชอบข้อเสนอของนางแอฟโฟรไดตีจึงตัดสินให้นางเป็นผู้ชนะและได้แอปเปิลทองคำไป
หลังจากนั้นนางแอฟโฟรไดตีก็ได้พาเจ้าชายไปหานางเฮเลนผู้เลอโฉมทั้งๆ ที่นางเฮเลนนั้นเป็นชายาของกษัตริย์เมนนีลอสผู้ครองนครสปาตาร์อยู่แล้ว วันหนึ่งขณะที่กษัตริย์เมนนีลอสออกไปที่เกาะครีต เจ้าชายปารีสก็ได้ลักพาตัวนางเฮเลนไปยังกรุงทรอย พอกษัตริย์เมนนีลอสกลับมาก็โกรธแล้วเรียกบรรดาเพื่อนร่วมสาบานให้มาชุมนุมกันเพื่อที่จะขออาสาสมัครคนหนึ่งให้ไปพาตัวนางเฮเลนกลับมา ในที่สุดที่ประชุมก็เลือกท้าวแอกกาเมนนอนเจ้าผู้ครองนครมายซินี ให้เป็นผู้นำทัพไปตามตัวนางเฮเลนกลับ
พอยกพลลงเรือรบจะไปกรุงทรอยก็ไม่มีคลื่นลมที่จะพาเรือให้แล่นไปได้ รอกันอยู่หลายวันก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีลมจนทุกคนแทบจะหมดกำลังใจ ก็ได้ไปถามโหรประจำกองเรือ โหรก็บอกว่าเทพธิดาอาตีมีสโกรธที่ชาวกรีกได้ไปฆ่ากวางตัวโปรดของเธอ ถ้าจะให้เธอหายโกรธต้องเอาขัตติยกุมารีมาสังเวยชีพ ซึ่งท้าวแอกกาเมนนอนนั้นมีลูกสามคนกับนางคลายเตมเนสตรา เป็นหญิงสองคนคืออิฟฟิจีเนียผู้พี่ อีเล็คตราผู้น้องและมีลูกชายอีกหนึ่งคนคือออเรสตีส
เอาหละทีนี้ท้าวแอกกาเมนนอนก็ส่งสารไปโกหกพระชายาคายเตมเนสตราว่าจะจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวคนโตกับอะคิลลิสกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ พระชายาหลงเชื่อจึงได้ส่งอิฟฟิจีเนียลูกสาวคนโตมาให้ พอมาถึงท้าวแอกกาเมนนอนผู้กระหายสงครามก็จับลูกสาวขึ้นแท่นบูชายัญแม้เธอจะร้องขอความเมตตาสงสารอย่างไรก็ไม่เป็นผล หลังจากพิธีบูชายัญเสร็จก็มีคลื่นลม ชาวกรีกก็เคลื่อนทัพเรือไปจนถึงกรุงทรอยสู้รบกันยืดเยื้อยาวนานจนเทวดาบนสวรรค์ที่อยู่ข้างชาวทรอยก็ทะเลาะกับเทวดาที่อยู่ข้างชาวกรีก เป็นอันว่าปั่นป่วนทั้งชาวโลกและชาวสวรรค์
จนในที่สุดพวกกรีกซึ่งฉลาดกว่าก็ได้วางแผนลวงชาวทรอยให้ตายใจว่ายอมแพ้แล้วและกำลังจะถอยทัพกลับเมืองด้วยการสร้างม้าไม้ตัวมหึมาขึ้นเพื่อใช้ในการบวงสรวงเทพธิดาอทีนาก่อนกลับ แต่ในความเป็นจริงได้ให้ทหารฝีมือดีซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้นั้นและให้ทหารที่เหลือทั้งหมดถอยออกนอกเมืองไปซ่อนตัวอยู่ไม่ให้ใครเห็นและให้ทหารคนหนึ่งแกล้งซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ม้าไม้ให้ทหารทรอยจับตัวได้และก็เป็นจริงดังคาด พอทหารทรอยมาจับตัวทหารกรีกคนนั้นไปสอบสวน ก็ให้การเท็จว่าตนนั้นจะถูกจับบูชายัญแต่หลบหนีมาได้และม้าไม้ที่สร้างซะใหญ่โตนี้ก็เพื่อที่จะไม่ให้ชาวทรอยเคลื่อนย้ายไปไหนได้ ชาวทรอยตายใจและคิดว่าจะเอาม้าไม้นั้นมาบวงสรวงเทพธิดาอทีนาเสียเองเพื่อความเป็นมงคลจึงพากันเอาม้าไม้นั้นเข้ามาไว้ที่วิหารเทพธิดาอทินาแล้วจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ทั้งวันทั้งคืนจนทั้งทหารทั้งชาวบ้านเมามายหลับไหลกันหมดทั้งเมือง
คืนนั้นเองทหารกรีกก็กลับมาอีกครั้ง พวกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ก็ลงมาเปิดประตูเมืองให้พวกที่อยู่ข้างนอกเข้ามาช่วยกันสังหารพวกทรอยที่หลับไหลด้วยความมึนเมา พวกทีหนีทันก็หนีไปพวกที่หนีไม่ทันก็ถูกสังหารตายกันเกลื่อนเมือง บ้านเมืองถูกเพลิงเผาผลาญวอดวาย พวกทหารกรีกก็กรูกันเข้าไปจนถึงพระราชวังแล้วสังหารกษัตริย์เปรียมแล้วพาตัวนางเฮเลนกลับมาคืนกษัตริย์เมนนีลอสตามเดิม
พอเสร็จสงครามท้าวแอกกาเมนนอนก็กลับไปเมืองของตนและได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากชาวบ้าน ส่วนพระชายาคลายเตมเนสตราเองก็แสร้งทำเป็นดีใจที่กษัตริย์แอกกาเมนนอนกลับมา พอเข้าไปในวังแล้วพระนางก็สังหารพระองค์เสียด้วยความแค้นที่พระองค์หลอกเอาลูกสาวคนโตไปทำพิธีบูชายัญ แต่ก่อนหน้านี้ในระหว่างที่กษัตริย์แอกกาเมนนอนไม่อยู่นั้นนางก็แอบเป็นชู้กันกับอีจิสธัสลูกพี่ลูกน้องกับกษัตริย์แอกกาเมนนอส ดังนั้นหลังจากที่ได้สังหารกษัตริย์แล้วทั้งสองคนก็เปิดเผยความสัมพันธ์สวาทและตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์แทน แต่ก็ไม่วายหวาดระแวงว่าเจ้าชายออเรสตีสลูกชายกษัตริย์แอกกาเมนนอนจะเป็นกบฏจึงคิดฆ่าเจ้าชายแต่เจ้าชายก็ได้หลบหนีออกจากเมืองไปกับลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อพายลาดีสเสียก่อน ส่วนเจ้าหญิงอีเล็กตรานั้นอีจิสธัสไม่กล้าฆ่าเธอเพราะเกรงว่าชาวบ้านจะนีนทาว่าเป็นหน้าตัวเมียที่ฆ่าผู้หญิง เธอจึงมีชีวิตรอดมาได้
วันหนึ่งหลังจากหลายปีที่เธอพกความแค้นที่แม่กับชู้รักได้ฆ่าพ่อของเธอไป เธอก็ไปเคารพศพพระบิดาที่หลุมฝังศพและที่นั่นเธอก็ได้พบกับออเรสตีสน้องชายขอเธอที่มากับพายลาดีส ตอนนี้ทั้งสองคนโตเป็นหนุ่มเต็มตัว ออเรสตีสมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อราวกับพิมพ์เดียวกัน ทั้งสามก็พร่ำพรรณาคิดถึงพ่อที่ถูกแม่ฆ่าตาย สุดท้ายก็ตกลงกันวางแผนฆ่าแม่เพื่อแก้แค้นแทนพ่อแต่ก็กลัวบาปไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทั้งสองจึงไปปรึกษาเทพเจ้าอพอลโลที่วิหารในกรุงเดลฟี เทพเจ้าก็บอกว่าให้สังหารซะทั้งคู่เลยเลือดต้องล้างด้วยเลือด
พอได้ประกาศิตจากเทพเจ้าอพอลโลก็วางแผนใหม่ โดยในวันรุ่งขึ้นก็ไปหลอกคนเฝ้าประตูวังว่ามีข่าวจะมาแจ้งพระนางคลายเตมเนสตราว่าออเรสตีสตายแล้ว พอเข้าไปในวังได้เกือบจะถึงตัวแม่ก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งออกมาละล่ำละลักว่า พ่อเจ้าถูกทรยศ ๆ พระนางคลายเตมเนสตราก็รู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงสั่งคนให้ไปเอาอาวุธมาหมายจะสู้เอาตัวรอดแต่ก็ไม่ทันเพราะออเรสตีสเข้ามาประชิดตัวแล้ว พระนางจึงได้แต่เกลี้ยกล่อมออเรสตีสด้วยการอ้างพระคุณแม่ที่เลี้ยงมา ให้คิดถึงค่าน้ำนมของแม่บ้าง จนออเรสตีสใจอ่อนฆ่าแม่ไม่ลงแต่พายลาดีสก็เตือนว่าเทพเจ้าอพอลโลมีบัญชามาแล้ว ออเรสตีส จึงต้อนแม่เข้าไปในห้องแล้วฆ่าทั้งแม่และอีจิสธัสตายด้วยดาบเล่มที่ยังมีคราบเลือดของพ่อติดอยู่ แล้วเขาก็หนีออกจากวังไป ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย เป็นอันว่าเรื่องราวของอีเล็คตราลูกสาวผู้เกลียดแม่ก็จบลงด้วยประการฉะนี้ ”
“ คุณลุงคะ แล้วเด็กทุกคนต้องเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ”
“ ในวัยเด็ก ฟรอยด์บอกว่าทุกคนต้องมีประสบการณ์ด้านนี้แต่มันต่างกันที่ว่าใครจะก้าวข้ามพ้นหรือไม่ หากเด็กได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักความเข้าใจของพ่อแม่ เขาก็จะสามารถก้าวออกมาจากพัฒนาการขั้นนี้ได้และเข้าสู่พัฒนาการขั้นต่อไปได้อย่างเป็นอิสระ”
“ทีนี้ต้องทำอย่างไรละคะสำหรับพ่อแม่ที่จะช่วยให้เด็กก้าวข้ามไปได้”
“ กระบวนการตรงนี้ พ่อแม่ต้องให้ความกระจ่างกับลูกในเรื่องเพศของเขา อธิบายให้ลูกรู้ว่าเขาเป็นเพศอะไร ให้ลูกยอมรับในเพศและบทบาทที่เหมาะสมกับเพศนั้นๆของเขาโดยมีพ่อและแม่เป็นแบบอย่าง เด็กก็จะเรียนรู้ถึงวิธีการแสดงออกที่เหมาะสม แต่ก็จะมีช่วงหนี่งที่เด็กจะดื้อพ่อและแม่ที่เป็นเพศเดียวกับตน ซึ่งอาการดื้อนื้คือวิธีการที่เด็กพยายามจะเอาชนะ ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจก็จะลงโทษเด็กอย่างรุนแรงหรือไม่ก็เพิกเฉยต่อเด็กไป ทำให้เด็กยิ่งเกิดความคับข้องใจและหันไปพึ่งพาพ่อหรือแม่ที่เป็นเพศตรงข้ามกับตนมากขึ้น เหตุการณ์เช่นนี้จะยิ่งทำให้เด็กถลำลึกลงไปในปมทั้งสองมากขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเด็กก็จะลืมเรื่องราวเหล่านี้เพราะมันได้ฝังตัวลึกอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกเสียแล้ว อย่างพวกเรานี้ก็เหมือนกัน อยู่เฉยๆ จะให้เรานึกย้อนกลับไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตช่วงวัยเด็ก เราก็นึกไม่ออก ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี มันยังคงมีอยู่และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมในปัจจุบันของเรา อย่างเช่นบางคนรู้สึกกลัวความสูงไม่กล้าขึ้นที่สูงๆ พอขึ้นไปแล้วรู้สึกใจสั่นกลัวตกลงไปบางคนกลัวมากแข้งสั่นขาสั่นหน้าซีดเหงื่อออกเป็นเม็ดๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางคนกลัวน้ำไม่กล้าลงน้ำ ไม่กล้าว่ายน้ำ ไม่กล้าโดยสารเรือ โดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ใจนึกกลัวไปอย่างนั้น บางคนก็กลัวเครื่องบินไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน อะไรอย่างนี้ ”
“ อาการพวกนี้แก้ได้ไหมครับ ”
“ เรื่องแก้นั้นก็แก้ได้อยู่หรอก เขาเรียกว่าการทำจิตบำบัด ซึ่งก็มีหลายวิธีแล้วแต่ว่านักจิตบำบัดคนนั้นจะเรียนมาจากสำนักไหน อย่างเช่นการทำจิตวิเคราะห์ การทำพฤติกรรมบำบัด การทำจิตบำบัดแนวเกสตอลท์ แต่อยู่ดีๆ จะจับคนๆ นั้นมาทำจิตบำบัดก็ไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้ผล การจะให้ได้ผลดีต้องให้เจ้าตัวเขาสมัครใจทำเอง ถ้าเขาไม่สมัครใจก็จะเกิดการต่อต้านขึ้นมา ทำให้เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา แถมบางครั้งยังเอาไปพูดในทางเสียๆ หายๆ อีก ”
“ แล้วบ้านเรามีนักจิตบำบัดเยอะไหมครับ ”
“ นักจิตบำบัดจริงๆ นั้นไม่เยอะหรอก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกพ่อมดหมอผี คนทรงเจ้า หมอดู พระ นักบวช ที่ทำงานบนศรัทธาของคนและก็มีบทบาทในการบำบัดปัญหาทางจิตวิทยาได้เหมือนกัน แต่ก็เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น จะเปรียบไปก็เหมือนกับไปหาดอกไม้ช่อใหม่มาเสียบแจกัน พออยู่ได้ไม่กี่วันดอกไม้นั้นก็เหี่ยวเป็นขยะต้องมาเสียเวลากำจัดขยะอีก เผลอๆ น้ำในแจกันก็เน่าเหม็น ยุงก็มาวางไข่เป็นยุงตัวใหม่อยู่เต็มบ้านอีก เอาเชื้อไข้เลือดออกมาแพร่อีก เป็นปัญหาใหม่ตามมาให้แก้อีกเยอะแยะมากมาย แทนที่จะไปหาผู้รู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ไปถามเขาว่าเป็นเพราะอะไรทำไมต้นดอกของตนจึงไม่มีดอก ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านต้นไม้ก็จะมาตรวจดูว่าดินมีความเหมาะสมไหม อากาศดีไหมมีความชื้นเท่าใด ได้ทำการใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินอย่างถูกวิธีหรือไม่ มีแมลงศัตรูพืชอะไรมากัดกินหรือไม่ ได้แสงแดดพอไหมหรือว่ามากไปน้อยไป อะไรทำนองนี้พอเห็นปัญหาที่แท้จริงก็แก้ไขในส่วนนั้นๆ ให้ถูกต้อง อีกไม่นานก็แตกกิ่งก้านสาขาออกดอกสวยงามมาให้ชื่นชม ไม่ต้องไปหาซื้อดอกที่ตลาดมาใส่แจกันให้เปลืองเงินและเป็นขยะรกบ้านอีกต่อไป นอกเสียจากว่าจะไปเรียนรู้หลักธรรมคำสอนในทางพุทธศาสนาแล้วเอามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตก็จะช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหาได้
นอกจากนี้ส่วนใหญ่ในบ้านเราก็จะเป็นนักจิตวิทยา นักให้คำปรึกษา นักสังคมสงเคราะห์และจิตแพทย์เสียมากกว่า แต่ในอนาคตก็ยังไม่แน่ หากสังคมให้การยอมรับเรื่องการทำจิตบำบัดมากขึ้นก็คงจะมีคนสนใจศึกษาด้านนี้กันอย่างจริงจังกว่านี้ แต่ทางที่ดีกว่าการทำจิตบำบัดก็คือพ่อแม่ต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของจิตวิทยาเด็ก จิตวิทยาพัฒนาการที่ดีกว่านี้ เพื่อทีจะสามารถเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ หากพ่อแม่ไม่มีคุณภาพ ต่อให้มีนักจิตบำบัดมากอย่างเซเว่นอีเลเว่นก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก ประเทศชาติก็ไม่อาจเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศเขาได้ ”
“ มันก็จริงของคุณลุงนะครับ ที่ว่าพ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานชีวิตให้กับลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านจิตวิทยา”
“ ใช่ โดยเฉพาะในวัยเด็กช่วงก่อนถึงห้าขวบ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีอิทธิพลมากนัก เลยวัยห้าขวบแล้วซึ่งถือว่าเป็นช่วงของการพักตัว เด็กก็เริ่มมีสังคมที่กว้างขึ้น เริ่มไปโรงเรียนมีเพื่อนที่โรงเรียนและมีสิ่งต่างๆ ให้สนใจมากขึ้น ช่วงนี้เด็กจะลืมสนใจตัวเองไปหลายปีจนอายุประมาณสิบสองสิบสามปี ร่างกายเริ่มมีความสมบูรณ์เรียกว่าแตกเนื้อหนุ่มสาวเป็นวัยรุ่นกันนั่นแหละพวกเขาจึงจะกลับมาสนใจตัวเองอีกรอบหนึ่ง...(11)
Casinos Near Penn National Race Course in Maricopa
ตอบลบBest Casinos 여수 출장안마 Near Penn National Race Course in Maricopa. 서산 출장마사지 Penn National 순천 출장마사지 Race Course in Maricopa offers you an excellent 공주 출장마사지 place to go for an exciting day, 나주 출장샵